วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ประวัติของวง ตอนที่ 1


อิทธิพลของ The Beatles ที่หยั่งลึก

สำหรับบทความชิ้นแรกนี้ ผมจะขอกล่าวถึงประวัติของวงนี้ และมรดกทางดนตรีที่พวกเขามอบไว้ให้กับชนรุ่นหลัง

วง The Beatles เป็นวงที่ก่อตั้งขึ้นในทศวรรษที่ 50 มาเริ่มโด่งดังในทศวรรษที่ 60 แยกวงเมื่อปี 1970 ตลอดอายุของวงได้สร้างผลงานเพลงรวมทั้งหมด 229 เพลง (คิดเฉพาะเพลงที่มีสมาชิกวงเป็นผู้แต่งเอง ไม่รวมเพลงที่นำของคนอื่นมา cover ถ้ารวมด้วย ทั้งหมดจะเป็น 275 เพลง) นับตั้งแต่เพลงแนววัยรุ่นในยุคเริ่มแรก จนพัฒนาไปเป็นเพลงที่สลับซับซ้อนมากขึ้นทั้งในด้านการประพันธ์เพลง และเทคนิคในการเล่นและบันทึกเสียงที่วงนี้เป็นผู้บุกเบิกในหลายๆด้าน นอกจากนี้ วงนี้ยังมีจุดเด่นในการไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ อัลบั้มที่ทำออกมาโดยเฉพาะในยุคหลังก่อนการแตกวงประกอบด้วยผลงานการประพันธ์ที่หลากหลายและซ่อนไว้ด้วยเทคนิคการประพันธ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา นอกจากนี้ วงนี้ยังเป็นส่วนสำคัญของกระแสความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในโลกยุคทศวรรษที่ 60 อย่างยากจะปฏิเสธได้

ความยิ่งใหญ่ของ The Beatles หากจะสรุปเป็นรางวัลที่ได้ก็มีมากมายนับตั้งแต่การที่สมาชิกทั้งสี่ของวงได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Members of the Order of the British Empire (MBE) ในปี 1965 หนังสารคดีเรื่อง Let It Be (ซึ่งผมจะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป) ได้รับรางวัล Academy Award for Best Original Score (เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) ในปี 1971 วงได้รับรางวัล Grammy Awards 7 รางวัล รางวัล Ivor Novello Awards รวม 15 รางวัล (รางวัลทางด้านการประพันธ์เพลงและดนตรีของอังกฤษ)

นอกจากนี้ The Beatles ยังได้รับการบรรจุชื่อเข้าใน Rock and Roll Hall of Fame ในปี 1988 ในปี 2004 นิตยสาร Rolling Stone จัดให้ The Beatles เป็นศิลปินยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล (the best artist of all time) วงนี้ได้รางวัล Grammy Lifetime Achievement Award ในปี 2014 นิตยสาร Time ยกย่องให้วงนี้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของศตวรรษที่ 20
หากมองในแง่ของยอดขาย The Beatles ยังคงเป็นวงที่มียอดขายผลงานเพลงในรูปแบบต่างๆ (เทป แผ่นเสียง ซีดี) สูงสุดในประวัติศาสตร์ ประมาณการยอดขายแผ่นเสียง เทป และซีดีของวงนี้มีตั้งแต่ 600 ล้านชุดไปจนถึง 1,000 ล้านชุด

ในอเมริกา อัลบั้มของ The Beatles ติดอันดับ Diamond Album 6 อัลบั้ม Multi-Platinum 24 อัลบั้ม Platinum 39 อัลบั้ม Gold 45 อัลบั้ม สำหรับในอเมริกา อัลบั้มหรือซิงเกิลที่ได้อันดับ Diamond, Multi-Platinum และ Gold คือมียอดขายอย่างน้อย 10 ล้าน 1 ล้าน และ 5 แสนแผ่นตามลำดับ พวกเขาได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งของศิลปิน Hot 100 ตลอดกาลโดยนิตยสาร Billboard ในปี 2008 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปีของการจัดอันดับซิงเกิลในอเมริกา นอกจากนี้ จนถึงปี 2016 The Beatles ยังรักษาสถิติศิลปินที่มีเพลงขึ้นถึงอันดับหนึ่งมากที่สุดรวม 20 เพลงในตาราง Billboard Hot 100 ด้วย พวกเขาขายผลงานในรูปแบบต่างๆรวมแล้ว 178 ชุดซึ่งมากกว่าศิลปินใดๆในอเมริกา

ในอังกฤษ The Beatles มีอัลบั้มระดับ Multi-Platinum 4 อัลบั้ม Platinum (ขายได้อย่างน้อย 3 แสนแผ่น)  4 อัลบั้ม Gold (1 แสนแผ่น) 8 อัลบั้ม และ Silver (6 หมื่นแผ่น) 1 อัลบั้ม พวกเขาขายแผ่นซิงเกิลได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 21.9 ล้านแผ่น มีอัลบั้มที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งมากที่สุดรวม 15 อัลบั้ม

ได้เห็นสถิติต่างๆที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของ The Beatles แล้ว ต่อไปนี้ เรามาทำความรู้จักกับสมาชิกของวงนี้กันเลยครับ

สมาชิกของวง

John Lennon เป็นผู้ก่อตั้งวงขึ้นในเดือน ก.พ. 1957 (แต่เริ่มใช้ชื่อ The Beatles เป็นครั้งแรกในปี 1960) โดยใช้ชื่อว่า The Blackjacks อยู่ช่วงสั้นๆก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น The Quarrymen เพราะชื่อเดิมเกิดไปซ้ำกับวงอื่น





John (ตอนนั้นอายุ 16 ปี) พบกับ Paul McCartney (อายุ 15) ในเดือน ก.ค. 1957 Paul ชวนเพื่อนคือ George Harrison (อายุ 14) มาร่วมวงด้วย ทีแรก John อิดออดเพราะเห็นว่า George ยังเด็กเกินไป แต่ก็ยอมในที่สุดเพราะเห็นฝีไม้ลายมือในการเล่นกีตาร์


เมื่อสมาชิกดั้งเดิมที่เป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียน Liverpool College of Art กับ John ลาออกออกไป วงก็เหลือแต่ John, Paul และ George ซึ่งเปลี่ยนไปใช้ชื่อ Johnny and the Moondogs พวกเขาได้สมาชิกคนที่ 4 ชื่อคือ Stuart Sutcliffe มาร่วมเป็นมือกลองในเดือน ม.ค. 1960 และเป็นผู้เสนอให้ใช้ชื่อว่า Beatals (สังเกตว่าสะกดต่างออกไป) พวกเขาใช้ชื่อนี้จนถึงเดือน พ.ค. ปีเดียวกันก่อนจะเปลี่ยนชื่อวงเป็น The Silver Beetles ใช้ชื่อนี้อยู่แค่ไม่กี่เดือน ก่อนจะแผลงไปเป็น The Silver Beatles ก่อนจะลงท้ายที่ The Beatles ในเดือน ส.ค. 1960



หล่อหลอมจากย่านราตรีใน Hamburg

ในหนังสือ Outliers ของ Malcolm Gladwell เขาให้ข้อสรุปไว้ว่าหากใครจะเก่งกาจทางด้านใดก็ตาม เขาหรือเธอผู้นั้นจะต้องทุ่มเวลาไปกับการฝึกฝนในเรื่องนั้นๆเป็นเวลาอย่างน้อย 10,000 ชั่วโมง Gladwell ศึกษาเรื่องนี้จากบุคคลต่างๆในหลายวงการ และหนึ่งในนั้นก็คือ The Beatles



ในปี 1960 เมื่อวงนี้ยังเป็นวงโนเนมในอังกฤษโดยมีสมาชิก 5 คนในช่วงนั้น ได้แก่ John (กีตาร์ ร้องนำ), Paul (กีตาร์ ร้องนำ), George (กีตาร์), Sutcliffe (เบส) และ Pete Best (กลอง) พวกเขาไปได้งานการแสดงตามไนต์คลับในเมือง Hamburg เยอรมนี แม้จะต้องทนเล่นในบรรยากาศย่ำแย่ในไนต์คลับย่านราตรีในเมืองนั้นโดยที่ได้ค่าตอบแทนแสนจะน้อย แต่สิ่งที่พวกเขาได้คือทักษะในการเล่นดนตรีที่แทบจะไม่มีเวลาพัก พวกเขาต้องเล่นคืนละ 8 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 7 คืน พวกเขาต้องเล่นดนตรีในสภาพเช่นนี้จากปี 1960 ไปจนถึงปี 1962 เมื่อพวกเขากลายเป็นวงดังไปทั่วโลกในปี 1964 พวกเขาแสดงคอนเสิร์ตรวมแล้วกว่า 1,200 ครั้ง ซึ่งมากกว่านักดนตรีในยุคปัจจุบันที่ตลอดทั้งอาชีพยังเล่นไม่ได้จำนวนชั่วโมงเท่ากับ The Beatles ในตอนนั้น







The Beatles แสดงอยู่ใน Hamburg เป็นเวลากว่า 2 ปี ในปี 1961 ระหว่างช่วงที่สองของสัญญาการแสดงในเยอรมนี Sutcliffe ตัดผมในสไตล์ที่เรียกว่า “exi” (existential) ซึ่งกำลังฮิตในช่วงนั้นซึ่งสมาชิกคนอื่นก็ตัดตามและเป็นที่มาของทรงผมสุดฮิตที่บ้านเราเรียกกันว่า “ทรงสี่เต่าทอง”  เมื่อ Sutcliffe ซึ่งเป็นมือเบสลาออกไป Paul รับหน้าที่เป็นมือเบสแทน นับจากนั้น The Beatles จึงเหลือสมาชิกแค่ 4 คนในตอนนั้น คือ John, Paul, George และ Pete Best



ในช่วงนั้นจนถึงกลางปี 1962 วงเล่นเป็นวงแบ็คอัพให้กับ Tony Sheridan ในสังกัด Polydor Records โดยใช้ชื่อว่า Tony Sheridan & the Beat Brothers ในอัลบั้ม My Bonnie ซึ่งเปลี่ยนชื่อในภายหลังเป็น Tony Sheridan with the Beatles เมื่อ The Beatles เริ่มโด่งดัง


 
 
 
 (ด้วยความดังของ The Beatles อัลบั้มนี้ถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น The Beatles featuring Tony Sheridan แทน)

 
[ติดตามประวัติของวงได้ในตอนต่อไปครับ]




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น